ต้นคูณ ต้นไม้มงคล
ราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน (Indian
Laburnum) ถือเป็นต้นไม้ประจำชาติไทย และเป็น
ไม้ดอกไม้ประดับที่นิยมปลูกมากตามสถานที่ราชการต่างๆ
เนื่องจากให้ดอกเป็นช่อใหญ่สีเหลืองสวยงาม นอกจากนั้น
ยังเป็นไม้ที่มีสรรพคุณทางยาหลายประการ อาทิ ใช้รักษาท้องร่วง ใช้เป็นยาระบาย ใช้รักษาแผล
แผลติดเชื้อ แผลในปาก และรักษาสุขภาพฟัน เป็นต้น
advertisement
|
นิเวศวิทยา และการกระจายพันธุ์
พบได้ทั่วไปในป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรังทั่วประเทศ และพบในต่างประเทศ เช่น จีน
อินเดีย พม่า ลาว เป็นต้น นิยมปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ
• ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia
fistula Linn.
• วงศ์ : Caesalpiniaceae
• ชื่อสามัญ :
– Indian Laburnum
– Pudding-pipe Tree
– Golden Shower
• ชื่อท้องถิ่น
– ชัยพฤกษ์ ราชพริก คูน (ภาคกลาง)
– คูน (อีสาน)
– ชัยพฤกษ์ ลักเคย, ลักเกลือ (ใต้)
– ชัยพฤกษ์ คูน ลมแล้ง (ภาคเหนือ)
• วงศ์ : Caesalpiniaceae
• ชื่อสามัญ :
– Indian Laburnum
– Pudding-pipe Tree
– Golden Shower
• ชื่อท้องถิ่น
– ชัยพฤกษ์ ราชพริก คูน (ภาคกลาง)
– คูน (อีสาน)
– ชัยพฤกษ์ ลักเคย, ลักเกลือ (ใต้)
– ชัยพฤกษ์ คูน ลมแล้ง (ภาคเหนือ)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
1. ราก และลำต้น
ราชพฤกษ์เป็นไม้ยืนต้น ลำต้นสูงประมาณ 10-20 เมตร เปลือกต้นอ่อนมีลักษณะเรียบ สีเทาแกมเขียว ต้นที่มีอายุมากเปลือกแตกสะเก็ดเป็นสี่เหลี่ยม สีน้ำตาล ต้นเล็กแตกกิ่งในระดับล่าง เมื่อต้นใหญ่ลำต้นสูง แตกกิ่งมากบริเวณส่วนยอด
1. ราก และลำต้น
ราชพฤกษ์เป็นไม้ยืนต้น ลำต้นสูงประมาณ 10-20 เมตร เปลือกต้นอ่อนมีลักษณะเรียบ สีเทาแกมเขียว ต้นที่มีอายุมากเปลือกแตกสะเก็ดเป็นสี่เหลี่ยม สีน้ำตาล ต้นเล็กแตกกิ่งในระดับล่าง เมื่อต้นใหญ่ลำต้นสูง แตกกิ่งมากบริเวณส่วนยอด
ระบบราก เป็นระบบรากแก้ว
และแตกออกเป็นรากแขนงยั่งลึกได้มากกว่า 2 เมตร
2. ใบ
ใบประกอบแบบขนนก ประกอบด้วยก้านใบหลัก ยาวประมาณ 20-30 ซม. แต่ละก้านใบหลักประกอบด้วยใบย่อย ออกเป็นคู่เรียงสลับตรงข้าม และเยื้องกันเล็กน้อย ใบย่อยแต่ละก้านมีประมาณ 3-8 คู่ ใบย่อยมีก้านใบยาวประมาณ 5-10 ซม. แต่ละใบมีรูปทรงรี แกม รูปไข่ โคนใบมน ปลายใบแหลมสอบ มีสีเขียวอ่อน และค่อยๆเข้มขึ้นจนเขียวสด ใบกว้างประมาณ 5-10 ซม. ยาวประมาณ 7-15 ซม. ใบคู่แรกๆมีขนาดเล็ก และใหญ่ขึ้นในคู่ถัดไป ใบส่วนปลายมีขนาดใหญ่สุด ขอบใบเรียบ ผิวใบด้านล่างมีขน
ใบประกอบแบบขนนก ประกอบด้วยก้านใบหลัก ยาวประมาณ 20-30 ซม. แต่ละก้านใบหลักประกอบด้วยใบย่อย ออกเป็นคู่เรียงสลับตรงข้าม และเยื้องกันเล็กน้อย ใบย่อยแต่ละก้านมีประมาณ 3-8 คู่ ใบย่อยมีก้านใบยาวประมาณ 5-10 ซม. แต่ละใบมีรูปทรงรี แกม รูปไข่ โคนใบมน ปลายใบแหลมสอบ มีสีเขียวอ่อน และค่อยๆเข้มขึ้นจนเขียวสด ใบกว้างประมาณ 5-10 ซม. ยาวประมาณ 7-15 ซม. ใบคู่แรกๆมีขนาดเล็ก และใหญ่ขึ้นในคู่ถัดไป ใบส่วนปลายมีขนาดใหญ่สุด ขอบใบเรียบ ผิวใบด้านล่างมีขน
3. ดอก
ดอกออกเป็นช่อ แทงออกตามกิ่งก้าน ช่อห้อยลงด้านล่าง ช่อดอกโปร่งยาวสีเหลือง ยาวประมาณ 20-40 ซม. แต่ละก้านดอกประกอบด้วยดอกจำนวนมาก แต่ละดอกมีก้านดอกสั้น ยาว 1-3 ซม. มีใบประดับใต้กลีบดอก กลีบดอกมีสีเหลืองประมาณ 5 กลีบ รูปรีหรือกลม ด้านในประกอบด้วยเกสร เพศผู้ 10 อัน มีรังไข่อยู่เหนือวงกลีบ รังไข่รูปขอบขนาน มีขน อับเรณูยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร ดอกจะออกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์
ดอกออกเป็นช่อ แทงออกตามกิ่งก้าน ช่อห้อยลงด้านล่าง ช่อดอกโปร่งยาวสีเหลือง ยาวประมาณ 20-40 ซม. แต่ละก้านดอกประกอบด้วยดอกจำนวนมาก แต่ละดอกมีก้านดอกสั้น ยาว 1-3 ซม. มีใบประดับใต้กลีบดอก กลีบดอกมีสีเหลืองประมาณ 5 กลีบ รูปรีหรือกลม ด้านในประกอบด้วยเกสร เพศผู้ 10 อัน มีรังไข่อยู่เหนือวงกลีบ รังไข่รูปขอบขนาน มีขน อับเรณูยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร ดอกจะออกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์
4. ผล
ผล มีลักษณะเป็นฝักยาว ทรงกลม ยาวได้มากถึง 60 ซม. ผิวฝักเกลี้ยง ฝักอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่มีสีน้ำตาล น้ำตาลดำ และดำ ตามอายุของฝัก เมล็ดมีลักษณะแบน รูปกลมรี สีน้ำตาลถึงดำ เรียงเป็นชั้นๆ มีผนังกั้นจำนวนมาก ฝักแก่จะยังติดห้อยที่ต้น และจะร่วงประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม
ผล มีลักษณะเป็นฝักยาว ทรงกลม ยาวได้มากถึง 60 ซม. ผิวฝักเกลี้ยง ฝักอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่มีสีน้ำตาล น้ำตาลดำ และดำ ตามอายุของฝัก เมล็ดมีลักษณะแบน รูปกลมรี สีน้ำตาลถึงดำ เรียงเป็นชั้นๆ มีผนังกั้นจำนวนมาก ฝักแก่จะยังติดห้อยที่ต้น และจะร่วงประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม
Post a Comment